อาการปวดหัว เหมือนจะไม่สบาย

เช้านี้ตื่นขึ้นพร้อมกับอาปวดหัว และแสบจมูกเหมือนจะเป็นหวัด แต่หนักสุดก็เห็นจะเป็นอาการปวดหัวนี่แหละ ปวดอยู่ข้างในลึก บอกความรู้สึกว่าปวดมากไหม ก็คงไม่ได้มากมาย แต่มันออกอาการรำคาญมากกว่า ซึ่งหากมองสาเหตุที่ไปที่มาของอาการเหมือนจะเป็นไข้ ก็ตรงที่เมื่อวานนี้ เราเดินสายระบบกล้องวงจรปิด และระบบโซล่าเซลล์แล้วฝนก็ตกแบบปลอย ๆ แบบตากฝนบ้าง เข้าร่มบ้าง ประจวบเหมาะกับอากาศหนาวแบบหน้าหนาว แล้วร่างกายน่าจะไม่ไหว

อาการปวดไข้ เหมือนจะสร้างความรำคาญ แต่จิตภายในกลับบอกให้อย่าไปสนใจ เอาสิ่งที่กังวล รำคาญมากำหนดดูลมหายใจดีกว่า ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เผลอมันก็แว๊บออกมาดูอาการปวด และหนาว ๆ เป็นระยะ ๆ เหมือนมันยื้อแย้งกันไปมา เห็นอย่างนี้ ก็ทำให้คิดได้ว่า หากเรามีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะความเจ็บไข้ได้ป่วย ยังมีภาวะให้ออกมาพิจารณาด้วย ดังนั้นหากแม้ว่าเราต้องตาย ขณะที่ตายเชื่อได้ว่าจิตจะยังคงฝักใฝ่การภาวนา ช่วยให้เราไม่หลงในอบายภูมิเป็นแน่ คำที่ครู อาจารย์ท่านได้สอนไว้ “ทำให้ต่อนเนื่อง ขี้เกียจก็ทำ ขยันก็ให้ทำ” เหมือนการปลูกฝังนิสัยให้กับจิต เมื่อถึงวาระอันสมควร มันก็จะเป็นนิสัยช่วยในการเดินทางสู่ภพใหม่ได้อย่างปลอดภัยนั้นเอง ส่วนหนึ่งจะเป็นด้วยอานิสงของการทำบุญ เมื่อทำทุกครั้ง เราจะอธิฐานจิตว่า ขอบุญกุศลจงดลให้ข้าพเจ้าอยู่ในทางปฏิบัติ ไม่หลงไปสิ่งชั่วใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นแม้ขณะไม่สบาย จิตฝ่ายดีจึงยื้อแย่งเวลากับอาการความเจ็บป่วยของตัวเอง ทำให้อาการต่าง ๆ ค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แม้กายยังไม่ดีขึ้น แต่ใจก็ดีขึ้น เมื่อเราได้กำหนดภาวนา “พุทโธ พุทโธ พุทโธ” อยู่เป็นระยะ ๆ

เราจึงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากฝึกฝนของตัวเอง อีกส่วนเกิดจากอานิสงผลบุญจากการทำบุญใส่บาตรเป็นระยะ ๆ จากแรงอธิฐานของเราด้วย ดังนั้น เราเชื่อคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างสนิทใจที่ว่า “ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรมเป็นนิจ” นั้นเอง