ทำเถอะ ก่อนที่จะไม่เหลือเวลาให้ทำ

ทุกวันนี้หากมีโอกาสไม่ว่าจะเป็นหยุด หรือวันไหน ๆ ที่เราสามารถทำได้ เราก็จะทำให้เป็นกิจวัตรปกติของเรา ไม่ว่าจะเป็นตื่นตอนเช้า ๆ ตี 4-5 เพื่อลุกขึ้นทำอาหาร นึ่งข้าวเพื่อไปใส่บาตร สวดมนต์ทำวัตรเช้า วัตรเย็น ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าชีวิตคนเรามันจะสั้นยาวแค่ไหน อย่างเช่นเมื่อวานมีโอกาสได้อ่านบทความของอาจารย์หมอท่านหนึ่ง เพิ่งจบเฉพาะทาง กำลังจะได้เป็นอาจารย์ด้วยวัยแค่เพียง 28 ปี ท่านพบว่าท่านเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ท่านบอกที่ผ่านมาไม่ได้เสียดายในชีวิตของท่านเลย ซึ่งแต่นี้ต่อไปท่านมีเวลาจำกัดในชีวิตนี้ หากจะมองในแง่ดี ท่านทราบแล้วว่าชีวิตบนโลกนี้ไม่ได้มีอะไรให้กับเรามากมาย ดังนั้นสิ่งที่ทำมาคุ้มค่ามากแล้ว และเช่นกัน หากย้อนกลับมามองเรา เรารู้หรือไม่ว่าเวลาของเราเหลืออยู่เท่าใด เรามัวแต่หลงเพลินว่าชีวิตเรายังจะเหลือเวลาอีกไม่จำกัด มันใช่หรือไม่ บางทีเราอาจจะมีเวลาเหลือน้อยกว่าอาจารย์หมอท่านก็เป็นได้ ดีแค่ไหน เรามีโอากาสได้บอกลาคนที่เป็นที่เรารัก เรามีเวลาได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่สำหรับบางคนแทบไม่ได้มีโอกาส เพราะความตายนั้น มันพรากเราไปได้ทุกเวลานาที อย่าคิดว่า เดี๋ยวค่อยทำ ๆ ๆ ๆ แล้วเมื่อไหร่ละครับ จะทำ ….

ชีวิตร่างกายมันเป็นเพียงธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม และก็ไฟ ดินก็เป็นส่วนที่แข็ง น้ำก็เป็นส่วนที่เป็นของเหลวต่าง ๆ ส่วนลม ก็เป็นส่วนเบา เป็นอากาศที่เคลื่อนเข้า-ออก และไฟก็ความร้อน ความอบอุ่นในร่างกาย ไม่มีส่วนไหนที่เป็นของเรา ส่วนอีกสิ่งที่ไม่มีตัวมีตนแต่สัมผัสได้ นั่นก็คือจิต หรือใจนั่นเอง เมื่อพิจารณาอย่างนี้ ก็รวมมีเพียง 2 ส่วนคือ ใจ กับกาย ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา เรามาอาศัยเขาเพียงชั่วคราว พิจารณาย้อนกลับมาทบทวนคำว่าชีวิตของมนุษย์ก่อน ๆ ๆ และก่อนหน้านั้น มีใครเหลืออยู่บนโลกนี้บ้าง คนจน คนรวย คนทุกข์ คนมีความสุข และคนที่ไม่มีอะไรเลย ถึงเวลาก็คืนกลับให้กับโลกหมด เพราะฉะนั้น ถ้าวันนี้เรายังไม่ได้ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล ก็จงทำเถอะครับ ทรัพย์สินเงินทอง เราเพียรหามาทั้งชีวิต มันเอาไปด้วยไม่ได้หรอก ความสุขก็เท่านั้น ความทุกข์ก็เท่านั้น สุดท้ายไม่มีอะไรไปกลับเราเมื่อสิ้นลมหายใจ ส่วนสิ่งที่จะติดตัวไปกลับเรา มีเพียงแค่บุญกุศลเท่านั้นเอง

smart

การทำบุญใส่บาตร การบริจาคทาน ก็เป็นทานบารมี หลายคนก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่พร้อม ยังไม่มีสิ่งของจะสละทาน ก็เลยไม่ทำทาน จนลืมไปว่ามีทานอีกอย่างหนึ่งที่มีกุศลมากกว่าบริจาคทาน และไม่ต้องใช้สิ่งของใด ๆ เลย มีกุศลมากกว่า นั้นก็คือ “อภัยทาน” เป็นทานที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินใดๆ ทุกคนให้ได้ แต่ส่วนมากกลับให้ทานแบบนี้กันไม่ค่อยได้ เพราะติดอยู่คำว่าอคติ อัตราตัวตน เลยให้อภัยทานไม่ได้

ถ้าเราพร่ำบอกตัวเองอยู่เสมอ ๆ ว่า ชีวิติเราเหลืออยู่แค่จำกัด ความตายคืบคลานเข้ามาหาเราทุกวัน เราจะรีบปฏิบัติ ลุกขึ้นมาเพื่อทำบุญ รักษาศีล หมั่นทำสมาธิ ภาวนากันครับ แต่ที่ยังไม่ทำกันเพราะว่ายังบอกตัวเองอยู่เสมอ ๆ ว่าเรายังไม่ตายง่ายหรอก เรายังอายุน้อย เรายังแข็งแรง สิ่งเหล่านี้มันบดบังเรา และเมื่อวันนั้นมาถึง เราก็จะบอกตัวเองว่า “รู้งี้…..” ทำเถอะครับ ตั้งแต่วินาทีที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราจะได้ไม่เสียดายเวลาที่มากัน

ข้อความนี้ถูกเขียนใน My life คั่นหน้า ลิงก์ถาวร